ข้อดีของการกำจัดขนด้วยเลเซอร์

ข้อดีของการกำจัดขนด้วยเลเซอร์

กำจัดขนด้วยเลเซอร์
การเลเซอร์ขน เป็นวิธีการกำจัดขนที่ไม่พึงประสงค์ด้วยการใช้แสงเลเซอร์พลังความร้อนสูงทำลายต่อมรากขน (Hair Follicle) เพื่อหยุดการเจริญเติบโตของเส้นขนไม่ให้ขึ้นมาอีกในอนาคต ซึ่งส่วนใหญ่การกำจัดขนด้วยเลเซอร์นี้นิยมนำมาใช้กับเส้นขนที่ใบหน้า แขน ขา ใต้วงแขน รวมถึงเส้นขนตามแนวบิกินี่
ประโยชน์ของการเลเซอร์ขน
กระบวนการเลเซอร์ขนช่วยกำจัดขนที่ไม่พึงประสงค์บนส่วนใด ๆ ของร่างกาย ยกเว้นแต่บริเวณเปลือกตาหรือรอบดวงตาเท่านั้น เนื่องจากแสงเลเซอร์จะเป็นอันตรายต่อดวงตาได้ นอกจากนี้ทางการแพทย์ยังนำเลเซอร์มาใช้ประโยชน์ในการรักษาโรคบางชนิด ได้แก่ ภาวะขนดก โรคมนุษย์หมาป่า (Hypertrichosis) ซึ่งมีขนยาวปกคลุมทั่วร่างกาย โรครูขุมขนอักเสบหรือขนคุด และขนที่ขึ้นบริเวณแผลที่มีการปลูกถ่ายผิวหนัง
ข้อจำกัดของการทำเลเซอร์ขน
ผลลัพธ์และประสิทธิภาพของการกำจัดขนด้วยเลเซอร์ในแต่ละคนอาจแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับสีขนและสีของผิว โดยการทำเลเซอร์จะมีประสิทธิภาพและให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่ากับผู้ที่มีผิวขาวและมีเส้นขนสีดำ เพราะลำแสงเลเซอร์จะทำลายรากขนด้วยการตรวจจับสารสีเมลานินซึ่งมีมากกว่าในเส้นขนสีดำ แต่ก็ใช่ว่าคนที่มีผิวคล้ำจะไม่สามารถใช้เลเซอร์กำจัดขนได้ เพราะในปัจจุบันก็เริ่มมีเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่พัฒนาเลเซอร์ให้สามารถใช้ได้ดีกับคนผิวคล้ำได้แล้ว
นอกจากนี้ การกำจัดขนด้วยเลเซอร์บางบริเวณอาจมีราคาค่อนข้างแพงและยังต้องทำหลายครั้ง เช่น แพทย์อาจแนะนำให้ทำ 4-6 ครั้งโดยเว้นระยะแต่ละครั้งประมาณ 4-6 สัปดาห์ ทั้งนี้ผลลัพธ์จากการทำจะคงอยู่เพียงชั่วคราว โดยช่วยหยุดการเติบโตของขนได้ในระยะเวลาเป็นสัปดาห์ไปจนถึงเป็นเดือน และยังไม่อาจรับประกันว่าจะช่วยกำจัดขนได้ทั้งหมด

เตรียมพร้อมก่อนทำเลเซอร์ขน
การกำจัดขนด้วยเลเซอร์เป็นกระบวนการที่ต้องกระทำโดยแพทย์ผู้ชำนาญการ ก่อนทำจึงควรศึกษาข้อมูลและเลือกแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านผิวหนังหรือศัลยกรรมความงามและมีประสบการณ์ในการทำเลเซอร์กำจัดขนมาก่อน
ก่อนการตัดสินใจทำเลเซอร์ แพทย์จะสอบถามประวัติด้านสุขภาพและการใช้ยาของคนไข้ แล้วจึงพูดคุยให้คำปรึกษาเกี่ยวกับประโยชน์และความเสี่ยงของการทำเลเซอร์ รวมทั้งถามถึงความคาดหวังต่อผลลัพธ์การรักษา จากนั้นจะชี้แจงว่าเลเซอร์สามารถช่วยตอบสนองความต้องการข้อไหนได้ มีข้อจำกัดใดบ้างที่ไม่อาจทำได้ และมีการอธิบายขั้นตอนการรักษาให้คนไข้ได้ทราบ พูดคุยเรื่องราคาค่าใช้จ่าย และอาจถ่ายรูปขนบริเวณที่จะกำจัดเพื่อเปรียบเทียบผลก่อนและหลังการรักษา
ผู้ป่วยที่ตัดสินใจเข้ารับการทำเลเซอร์กำจัดขน มีขั้นตอนการเตรียมพร้อมก่อนทำเลเซอร์ที่ควรต้องปฏิบัติคือ ห้ามถอนขน แว็กซ์ขน หรือกำจัดขนโดยใช้กระแสไฟฟ้า (Electrolysis) มาก่อนเป็นเวลา 6 สัปดาห์ เนื่องจากวิธีเหล่านี้เป็นการกำจัดรากขนออกไปชั่วคราว ทำให้เลเซอร์ไม่สามารถตรวจจับและทำลายรากขนได้ กรณีที่จำเป็นต้องกำจัดขนอาจใช้วิธีโกน แต่ควรหยุดโกนขนในช่วง 2-3 วันก่อนทำการรักษา ทั้งนี้การโกนขนมีประโยชน์ในการช่วยให้เลเซอร์ไม่ไปจับโดนเส้นขนเหนือผิวหนัง ซึ่งจะส่งผลให้ผิวหนังแสบร้อนจากการไหม้
นอกจากนี้คนไข้ควรหลีกเลี่ยงการเผชิญแสงแดดในช่วง 6 สัปดาห์ก่อนและหลังทำเลเซอร์ เพราะจะส่งผลให้ประสิทธิภาพหรือผลลัพธ์จากการทำลดน้อยลงและเสี่ยงเกิดภาวะแทรกซ้อนหลังการรักษามากขึ้นด้วย
กระบวนการทำเลเซอร์ขน
แพทย์จะเล็มขนของคนไข้ออกก่อนเริ่มเลเซอร์ขน หลังจากนั้นทั้งผู้ที่เข้ารับการทำเลเซอร์และแพทย์จะต้องสวมอุปกรณ์ป้องกันตาที่เหมาะสมกับชนิดของเลเซอร์ที่นำมาใช้ รวมทั้งป้องกันชั้นผิวของคนไข้ด้วยการใช้เจลเย็นหรืออุปกรณ์ให้ความเย็นชนิดพิเศษช่วยให้ผิวของคนไข้สามารถทนความร้อนจากแสงเลเซอร์ และทำให้เลเซอร์สามารถแทรกผ่านผิวหนังได้ หรืออาจใช้ยาชาชนิดทาป้ายบนผิวหนังเพื่อลดการระคายเคืองขณะทำเลเซอร์ร่วมด้วย
ต่อมาแพทย์จะใช้อุปกรณ์เลเซอร์ที่ถูกปรับให้เหมาะกับสีและความหนาของขน สีผิวคนไข้ และตำแหน่งที่จะทำการกำจัดขน จากนั้นใช้แสงเลเซอร์จ่อไปที่บริเวณที่ทำการรักษาและจับตาดูบริเวณดังกล่าวนานหลายนาทีเพื่อให้แน่ใจว่าเครื่องเลเซอร์ถูกปรับค่าไว้อย่างเหมาะสมและไม่มีปฏิกริยาที่น่าวิตกกังวลใด ๆ

แสงเลเซอร์จะทำงานโดยผ่านผิวหนังไปยังต่อมรากขน ส่งความร้อนสูงทำลายรากขนเหล่านี้ให้เส้นขนหยุดการเติบโต การทำเลเซอร์มีความเร็วในการกำจัดเส้นขนได้หลาย ๆ เส้นพร้อมกันภายในเสี้ยววินาที โดยทุก ๆ 1 วินาทีจะสามารถกำจัดขนได้ในพื้นที่ขนาดประมาณเหรียญสิบ การเลเซอร์ขนที่บริเวณเล็ก ๆ เช่น เหนือปากบนอาจใช้เวลาเพียง 2-3 นาที แต่หากเป็นบริเวณกว้างเช่นที่หลังก็อาจต้องใช้เวลานานหลายชั่วโมง ทั้งนี้ในระหว่างได้รับเลเซอร์คนไข้อาจรู้สึกระคายเคืองคล้ายถูกหนังยางดีดที่ผิวหนัง
การกำจัดขนด้วยเลเซอร์อาจทำให้ผิวหนังแดงและบวมได้ในช่วง 2-3 ชั่วโมงแรก แพทย์อาจใช้แผ่นน้ำแข็งประคบ สเตียรอยด์ชนิดครีมหรือโลชั่นลดการอักเสบ รวมทั้งน้ำเย็นเพื่อบรรเทาอาการระคายเคืองใด ๆ ที่ผิวหนัง และอาจนัดทำเลเซอร์ครั้งต่อไปในอีก 4-6 สัปดาห์ถัดมา ซึ่งแพทย์จะให้การรักษาต่อไปเรื่อย ๆ จนกว่าขนของคนไข้จะหยุดขึ้น

หลังจากการทำเลเซอร์ขน
ช่วง 1-2 วันหลังจากการทำ บริเวณผิวหนังที่ได้รับเลเซอร์อาจยังแสบร้อนอยู่ ให้ใช้แผ่นประคบเย็นและโลชั่นบำรุงผิวทาช่วยบรรเทาอาการ ส่วนคนไข้ที่เลเซอร์ขนบนใบหน้านั้นสามารถแต่งหน้าได้ตามปกติหากผิวหนังไม่มีอาการพุพองใด ๆ และระหว่างนี้ควรหลีกเลี่ยงการเผชิญแสงแดด เมื่อรู้สึกดีขึ้น ผิวหนังบริเวณที่ทำการเลเซอร์มีการอักเสบลดลงแล้วจึงออกแดดได้ตามปกติ แต่ต้องทาครีมกันแดดป้องกันทุกครั้ง นอกจากนี้คนไข้บางรายยังอาจพบว่ามีเส้นขนที่ได้รับการรักษาเริ่มหลุดร่วงออกมาหลังจากนี้ได้
ด้านผลการรักษาอาจมีความแตกต่างกันไปในแต่ละคน และยังขึ้นอยู่กับว่าเป็นการรักษาที่บริเวณใด การเลเซอร์ขนหลาย ๆ ครั้งสามารถช่วยยืดเวลาของขนที่จะขึ้นมาใหม่ บางครั้งอาจนานเป็นปี แต่ก็มีโอกาสที่ขนจะขึ้นมาใหม่ในระหว่างนี้ได้เช่นกัน เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด คนไข้อาจต้องรับการฉายเลเซอร์ทั้งหมด 4-6 ครั้ง ทุก ๆ 6 สัปดาห์ และรับการรักษาเพิ่มเติมเป็นครั้งคราวทุก 6-12 เดือนหากต้องการคงผลลัพธ์ไว้ต่อไป

ผลข้างเคียงจากการเลเซอร์ขน
การกำจัดขนด้วยเลเซอร์ในปัจจุบันยังไม่ทราบถึงผลข้างเคียงระยะยาว มีเพียงผลข้างเคียงชั่วคราวที่อาจเกิดขึ้นได้เล็กน้อย ที่พบได้บ่อยที่สุดคือการระคายเคืองของผิวหนัง ได้แก่ อาการแดงและบวมหลังการทำ ซึ่งมักจะดีขึ้นเมื่อผ่านไปหลาย ๆ ชั่วโมงแล้ว หรือบางรายก็พบว่าสีผิวบริเวณที่ถูกแสงเลเซอร์เข้มขึ้นหรือซีดลง โดยมักเกิดกับผู้ที่มีผิวสีเข้ม และยิ่งมีโอกาสเกิดมากขึ้นหากมีการปรับใช้อุปกรณ์เลเซอร์ที่ไม่เหมาะสมกับคนไข้รายนั้น ๆ
นอกจากนี้ ผลข้างเคียงอื่น ๆ จากการกำจัดขนด้วยเลเซอร์ที่พบได้ไม่บ่อยยังมีดังนี้
– แผลพุพองหรือสะเก็ดแข็งบนผิวหนัง ซึ่งอาจใช้เวลาถึง 10 วันจึงจะหาย
– ผิวหนังบริเวณที่ถูกเลเซอร์มีสีเข้มขึ้นหรืออ่อนลงเป็นเวลาหลายเดือนหลังรับการกำจัดขนด้วยเลเซอร์
– แผลไหม้แสบร้อนผิว
– อาการบวมอย่างรุนแรงที่อาจคงอยู่ประมาณ 7 วัน
– เกิดรอยแผลเป็น
– รอยฟกช้ำที่อาจคงอยู่นานถึง 15 วัน
ทั้งนี้คนไข้ที่ไม่พอใจต่อผลลัพธ์การรักษาหรือมีปัญหาภาวะแทรกซ้อนใด ๆ ตามมา ควรปรึกษาแพทย์

แหล่งอ้างอิง : https://www.pobpad.com/%E0%B8%81%E0%B8%B3%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%82%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%80%E0%B8%8B%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C

หลักการทำงาน โบทูลินั่ม ท็อกซิน (Botulinum toxin) หรือ โบท็อก

หลักการทำงาน โบทูลินั่ม ท็อกซิน (Botulinum toxin) หรือ โบท็อก

โปรตีนชนิดหนึ่งที่ผลิตจากแบคทีเรียที่มีชื่อว่า คลอสตริเดียม โบทูลินัม (Clostridium Botulinum) มีด้วยกันถึง 7 ชนิด (serotype) คือ Botulinum toxin type A – G และที่มีใช้ในวงการแพทย์ คือ สาร Botulinum toxin type A, B

โบทูลินั่ม ท็อกซิน (Botulinum toxin) ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท (Neurotoxin) โดยจะไปรบกวนการทำงานของระบบประสาททำให้ไม่สามารถหลั่งสารสื่อประสาทได้ จึงทำให้กล้ามเนื้อขาดการรับรู้การสั่งงานจากเซลล์ประสาท มีผลทำให้กล้ามเนื้อไม่สามารถหดตัวชั่วคราว โดยโบท็อกของแต่ละยี่ห้อแต่ละประเภทจะมีระยะเวลาการออกฤทธิ์และการเห็นผลไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับกรรมวิธีการทำตัวยาให้บริสุทธิ์, ชนิด protein complex, ขนาดของ molecule complex, ปริมาณของ neurotoxin, ประสิทธิภาพหรือความแรงของสารออกฤทธิ์, pH และฤทธิ์ทางชีวภาพ

ส่วนประกอบของ Botulinum toxin

  1. Progenitor toxin complex ของโบท็อก ประกอบด้วยส่วนหลัก ๆ ได้แก่
    • Non-toxicneurotoxin-associated proteins (NAPs) (750kDa) (หน่วยปกป้อง)
    • Neurotoxin (ตัวออกฤทธิ์)
      • Heavy chain (100kDa)
      • Light chain (50kDa)
  2. Excipient สารช่วยทางเภสัชกรรม เป็นส่วนประกอบสำคัญในการพัฒนาและผลิตยา (lactose, sucrose, gelatin, dextran or serum albumin [for stabilization], buffer systems [for pH calibration])
โบท็อก

รูปภาพจาก ncbi.nlm.nih.gov

กลไกการออกฤทธิ์ Botulinum toxin

เมื่อฉีด Botulinum toxin เข้าสู่ร่างกาย Neurotoxin (ตัวออกฤทธิ์) จะแยกตัวออกจาก Non-toxic neurotoxin-associated proteins (NAPs) โดย Heavy chain (100kDa) ทำหน้าที่จับกับ gangliosides and specific synaptic vesicle proteins ที่ neurotoxin membrane เพื่อนำ toxin เข้าสู่เซลล์เส้นประสาท จากนั้น Light chain (50kDa) ทำหน้าที่ตัด SNARE protein ทำให้ยับยั้งการหลั่งสารสื่อประสาท (Acetylcholine) จึงทำให้กล้ามเนื้อขาดการรับรู้การสั่งงานจากเซลล์ประสาท มีผลทำให้กล้ามเนื้อไม่สามารถหดตัวชั่วคราว

ฉีดโบท็อก

อ้างอิงจาก Sci-news.com

โบทูลินั่ม ท็อกซิน (Botulinum toxin) ได้รับการรับรองความปลอดภัยจากองค์การอาหารและยา และมีการใช้อย่างแพร่หลายทั่วโลกเป็นเวลาหลายกว่าสิบปี จึงมั่นใจได้ในเรื่องของความปลอดภัย สลายไปเอง 100% ตามระยะเวลาของโบท็อกยี่ห้อนั้นๆ

โบทูลินั่ม ท็อกซิน (Botulinum toxin) จัดเป็นยาควบคุมพิเศษดังนั้นจะต้องมีการขั้นตอนผลิต การขนส่ง และการเก็บรักษาที่ได้มาตรฐานถูกต้อง ที่สำคัญต้องใช้และบริหารยาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น ไม่อย่างนั้นอาจเกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ต่อคนไข้ได้

“หลักการกำจัดขนด้วยเลเซอร์”

“หลักการกำจัดขนด้วยเลเซอร์”

การกำจัดขนแบบถาวร ปัจจุบันวิธีการกำจัดขนแบบถาวรที่นิยมและได้ผลดีมาก มี 2 วิธีคือ

  • การจี้ไฟฟ้า หรือ จี้ด้วยคลื่นวิทยุ
    1. ขั้นตอนการทำโดยแพทย์จะใช้เข็มเล็ก ๆ สอดเข้าไปที่รูขุมขน ใช้ปฏิกิริยาทางเคมีหรือความร้อน หรือผสมผสานทั้ง 2 วิธีเข้าด้วยกันเพื่อทำลายรากขนโดยเฉพาะ
    2. สามารถกำจัดขนได้ถึงรากขนแบบถาวร 100% แต่ต้องทำจำนวนครั้งมากพอ จำนวนจะมากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับปริมาณขนของแต่ละคน
  • การใช้เลเซอร์ (IPL / Diode laser / Long pulse ND YAG laser)
    1. โดยแสงเลเซอร์จะไปจับกับเม็ดสี (pigment) ของขนในระยะที่ขนกำลังเจริญเติบโตยาวออกมาเรื่อย ๆ
    2. เลเซอร์สามารถกำจัดขนถาวรได้ประมาณ 2030% ในการทำแต่ละครั้ง ต้องทำซ้ำ 58 ครั้ง กำจัดได้ประมาณ 6080 %
    3. ผลลัพธ์กำจัดขนได้เปอร์เซ็นต์มากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับความแข็งแรงของรากขนของแต่ละบุคคล
    4. ขนที่เหลือเส้นจะเล็กลง บางลง สีจางลง และการงอกขึ้นมาใหม่จะช้าลง

แสงและเลเซอร์กำจัดขนมีหลายชนิด มีความแตกต่างที่ตัวกลางในการผลิตแสง และความยาวคลื่นที่แตกต่างกัน ดังนี้

IPL:  การใช้คลื่นแสงที่มีความเข้มข้นสูงมีความยาวของคลื่นแสงตั้งแต่ 650 ถึง 1,200 นาโนเมตร สามารถปรับความยาวของคลื่น และระยะเวลาการปล่อยลำแสงที่พอเหมาะในการใช้งานโดยการใช้ฟิลเตอร์ คลื่นแสงที่ถูกปล่อยออกมาจะมีช่วงความยาวของคลื่นแสงที่กว้างกว่าเลเซอร์ ข้อควรระวังในคนสีผิวเข้มจึงดูดซึมแสงได้ดี อาจจะทำให้เกิดการ burn ผิวได้

Ruby laser: เลเซอร์ความยาวคลื่น 694 นาโนเมตร ส่งไปถึงระดับความลึกที่ผิวหนังชั้นในส่วนกลาง (Mid-Dermis) โดยมีเนื้อเยื่อเป้าหมายเป็นเมลานิน เหมาะสำหรับคนที่มีผิวขาวมาก จึงเป็นเลเซอร์ที่เหมาะกับชาวยุโรปมากกว่า

Alexandrite laser: เลเซอร์ความยาวคลื่น 755 นาโนเมตร เมตร ส่งไปถึงระดับความลึกที่ผิวหนังชั้นในส่วนลึก (Deep Dermis) โดยมีเนื้อเยื่อเป้าหมายเป็นเมลานินและฮีโมโกบิน เหมาะสำหรับคนที่มีผิวขาวไปจนถึงสีผิวน้ำผึ้ง

Diode laser: เลเซอร์ที่มีความยาวคลื่นที่หลากหลาย 755, 800-810, 940, 1,064-1,350 นาโนเมตร ซึ่ง โดยส่งไปถึงระดับความลึกที่ผิวหนังชั้นในส่วนลึก (Deep Dermis) มีเนื้อเยื่อเป้าหมายเป็นเมลานิน เหมาะสำหรับคนที่มีผิวขาวไปจนถึงผิวสีกลางๆ

Nd:YAG laser: ความยาวคลื่น 1064 นาโนเมตร ส่งไปถึงระดับความลึกที่ผิวชั้นในส่วนลึกและชั้นไขมัน โดยมีเนื้อเยื่อเป้าหมายเป็นเมลานิน เหมาะสำหรับคนที่มีผิวสีแทน หรือผิวสีเข้ม

กำจัดขน

รูปที่ 1 Depth of penetration of laser wavelength เครดิตรูปภาพ mylaser

หลักการทำงานของเลเซอร์

ปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพและความปลอดภัยในการกำจัดขนนั้น ได้แก่ ความยาวคลื่นแสง (wavelength), พลังงาน (fluence), ช่วงเวลาปล่อยแสง (pulse duration) และ ขนาดลำแสง (spot size) สีผิว สีของเส้นขน และปริมาณของเส้นขนในบริเวณที่ทำ 

เป้าหมายของการยิงเลเซอร์คือ การทำลายต่อมรากขน (hair follicle) โดยใช้หลักการ Selective Photothemolysis เมลานินในเส้นขนจะเป็นตัวดูดแสงหลัก (chromophore) แล้วกระจายความร้อนไปยังต่อมรากขน ทำลายเซลล์รากขน หากการทำลายต่อมรากขนเป็นไปอย่างสมบูรณ์ก็จะไม่มีเส้นขนงอกกลับขึ้นมาใหม่อีก

ข้อระวังในกลุ่มผิวสีเข้มซึ่งมีเม็ดสีเมลานินหนาแน่นในชั้นหนังกำพร้า ทำให้มีการดูดแสงที่ชั้นหนังกำพร้าสูงขึ้น แสงทะลุลงมาถึงรากขนน้อย ส่งผลให้ทำลายต่อรากขนได้น้อยลงและยังอาจส่งผลให้ผิวไหม้ได้อีกด้วย

กำจัดขนรักแร้

รูปที่ 2 ค่าสัมประสิทธิ์การดูดซึมเมลานิน (Hair Reduction with Lasers | Plastic Surgery Key, 2016)

เนื่องจากเส้นขนในแต่ละบริเวณอยู่ในระยะที่แตกต่างกัน จึงมีอายุไม่เท่ากัน ซึ่งมีทั้งหมดด้วยกัน 3 ระยะ (รูปที่ 3) ได้แก่ ระยะเติบโต (anagen) , ระยะเสื่อมสภาพ (catagen) และ ระยะพัก (telogen)

  1. ระยะงอก (Anagen) เป็นระยะที่ hair follicle จะอยู่ลึกที่สุดใน dermis (ประมาณ 0.5 ซม.) เป็นระยะที่เส้นผมเจริญเติบโตมี มีเส้นเลือดมาเลี้ยง มีลักษณะเป็นกระเปาะซึ่งประกอบด้วยเซลล์เม็ดสี และมีรากที่พร้อมจะสร้างขนใหม่ เส้นผมจะมีสีเข้ม มีเส้นเลือดมาเลี้ยงมาก และ inner root sheath จะหนาที่สุด ช่วงนี้มีระยะเวลาประมาณ 38 ปี พบร้อยละ 85 90% ของเส้นผมทั้งศีรษะ
  2. ระยะหยุดงอก (Catagen) เซลล์รากผมจะหยุดทำงานในการสร้างเส้นขน/ผม กินระยะเวลาประมาณ 3 สัปดาห์
  3. ระยะหลุดร่วง (Telogen) เส้นผมจะหลุดร่วงไป ระยะนี้กินเวลาประมาณ 3 เดือน แล้วจะเริ่มเข้าสู่ระยะงอกใหม่อีกครั้ง

โดยเฉลี่ยคนเราจะมีผม ขน หนังศีรษะ 100,000 เส้น อัตราส่วนของผมในระยะ Anagen: Telogen เท่ากับ 9: 1 ผมจะร่วงโดยเฉลี่ยวันละ 100 เส้น

ระยะของขนที่เหมาะต่อการกำจัดด้วยเลเซอร์ จะเป็นเส้นขนในระยะเติบโต (anagen phase)

กำจัดขนหน้าแข้ง

รูปที่ 3 แสดงวงจรชีวิตของเส้นขน 3 ระยะ รูปภาพจาก Joycemaschat

โดยแต่ละบริเวณของร่างกายจะมีปริมาณขนในระยะต่าง ๆ กัน และอัตรางอกที่แตกต่างกัน ดังตารางที่ 1 ความยาวของเส้นผมจะถูกกำหนดโดยพันธุกรรม ระยะเวลาของ Anagen และอัตรางอกของเส้นผม ส่วนขนาดของเส้นผม จะแปรผันตรงกับขนาดของ Dermal Papilla

กำจัดหนวด

ตารางที่ 1 Hair Growth – Average values รูปจาก Lasermarket

Yellow 585 Laser

Yellow 585 Laser

เลเซอร์แสงสีเหลือง ความยาวคลื่น 585 nm. ด้วย D-wmopsTM (Differential-Wavelength Modified Optically Pumped Semi-conductor) technology เป็น solid-state laser จากประเทศอิตาลี

หลักการ Yellow 585 Laser

แสงเหลืองสามารถถูกดูดซับได้ดีใน Oxyhaemoglobin เมื่อถูกกระตุ้นโดยแสงจะทำให้ photo-coagulated vessels ก่อให้เกิดความร้อนขึ้นจนยับยั้งหรือชะลอการลุกลามของเส้นเลือดที่ผิดปกติ เหมาะสำหรับรักษาเส้นเลือด ฝ้าเลือด รอยแดงสิว โดยไม่ทำให้ผิวด้านบนเสียหาย

แสงเหลืองยังถูกดูดซับได้ดีใน coproporphyrin เมื่อถูกกระตุ้นโดยแสงจะทำให้เกิดกระบวนการสร้าง reactive oxygen species (ROS) ทำให้ ลดจำนวนเชื้อ P.acnes ลดปริมาณสิวอุดตันและสิวอักเสบด้วย

อีกทั้งยังสามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ของผิว ทำให้รูขุมขนกระชับ ลดริ้วรอยตื้นๆ

และมีงานวิจัยว่าเลเซอร์แสงสีเหลืองสามารถรักษาฝ้า โดยพบว่าหลังการรักษาด้วยเลเซอร์พบว่าปริมาณ VEGF (Vascular endothelial growth factor) ลดลง ทำให้ลดการสร้าง/เพิ่มขึ้นของเส้นเลือดใหม่ (การกระตุ้นกระบวนการสร้าง/เพิ่มขึ้นของเส้นเลือด (angiogenesis) ส่งผลให้เกิดการกระตุ้นการทำงานเซลล์ที่สร้างเม็ดสี (melanocyte) ให้สร้างเม็ดสีเพิ่มขึ้น เป็นกลไกหนึ่งในการเกิดฝ้านั่นเอง)

 

คลินิคดูแลหน้า

รูปภาพจาก wohmedical.com

รักษาสิว

รูปจาก norseld.com

Yellow 585 Laser มีหัวยิงขนาด 0.5, 1.0, 1.5, 3.0 มิลลิเมตร ความแตกต่างกันตามปัญหาผิว และหัวยิง Optiscan Scanner equipped with an air-cooling system adaptor ที่สามารถคำนวณพื้นที่การรักษาและยิงเลเซอร์ไปสู่เป้าหมายได้อัตโนมัติ ครอบคลุมพื้นที่รักษาได้ถึง 1.8 cm2 สามารถทำการรักษาได้อย่างรวดเร็ว แม่นยำ เพื่อผลลัพท์สูงสุด และลดผลข้างเคียง

เลเซอร์สิว

รูปภาพจาก quantasystem.com

Yellow 585 laser เป็นเลเซอร์ที่สามารถทำได้กับทุกสภาพสีผิว มีความอ่อนโยนและปลอดภัยต่อสภาพผิว ไม่ทำลายผิวด้านบน

Yellow 585 laser เหมาะสำหรับ

  • ผู้ที่มีปัญหารอยแดงและรอยเส้นเลือด เช่น เลือดฝอยขยายบนใบหน้า ไฝแดง ปานแดง ผิวหน้าแดงง่าย รอยแดงจากแผลเป็นและแผลผ่าตัด รอยฟกช้ำ
  • ผู้ที่มีสิวอักเสบ รอยแดงสิว
  • ผู้ที่มีปัญหาผิวหมองคล้ำ ผิวที่ไม่สม่ำเสมอ ฝ้า กระ จุดด่างดำ ชนิดตื้น
  • ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูสภาพผิว ผิวหน้าสว่างใส เรียบเนียน กระชับรูขุมขน

ผลลัพธ์ที่ได้หลังทำ Yellow 585 Laser

  • สามารถเริ่มสังเกตเห็นผลการรักษาได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่รักษา
  • ผลลัพธ์ชัดเจนหลังทำต่อเนื่องประมาณ 4 5 ครั้ง
  • ผลการรักษา มีความแตกต่างกันตามสภาพผิวบริเวณที่เกิดปัญหา ภูมิคุ้มกันของร่างกาย ความรุนแรงของปัญหา รวมถึงการดูแลตนเองหลังเข้ารับการรักษา
  • ไม่เกิดบาดแผล ไม่ต้องพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ

ระยะเวลาและความถี่ในการทำ Yellow 585 Laser

  • ใช้ระยะเวลาในการรักษาประมาณ 1530 นาที (ขึ้นอยู่กับจำนวนช็อตที่ใช้)
  • เว้นระยะห่าง 2 สัปดาห์ ต่อ 1 ครั้ง ต่อเนื่อง 4-5 ครั้ง

เตรียมตัวก่อนทำ Yellow 585 Laser

  • หลีกเลี่ยงการโดนแสงแดด: ก่อนทำเลเซอร์ผิวหนังควรเลี่ยงออกแดดในตอนที่แดดแรง และใช้ครีมกันแดดเมื่อต้องออกแดดเสมอ เนื่องจากการออกแดดและโดนแดดแรงในระยะ 1 เดือนก่อนทำเลเซอร์นั้น อาจทำให้บริเวณผิวหนังที่ทำเลเซอร์เปลี่ยนสีและไม่สม่ำเสมอ
  • งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่: เนื่องจากจะทำให้ฟื้นตัวช้า
  • งดการทาครีมหรือยาที่มีส่วนผสมของสารผลัดเซลล์ผิว เช่น AHA, BHA, วิตามิน A หรือกรดผลไม้ต่าง ๆ
  • ผู้ที่มีภาวะเซ็บเดิร์ม (Seborrheic Dermatitis) ควรเพิ่มความชุ่มชื้นด้วยการบำรุงผิวให้มาก เพื่อป้องกันผิวแห้งแตกไปมากกว่าเดิม
  • หากมีโรคประจำตัว หรือมีประวัติการแพ้ยาต่างๆ หรือผ่านการหัตถการอื่นมาก่อนหน้านี้ ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนการทำเลเซอร์

ขั้นตอนการทำ Yellow 585 Laser

Yellow 585 laser มีความปลอดภัย ไม่รุนแรง ไม่ต้องทายาชาก่อน

  • ทำความสะอาดผิวหน้า
  • ระหว่างการรักษา กรณีรักษาเส้นเลือดขยายจะรู้สึกเหมือนเข็มแตะที่ผิวเบาๆ ส่วนกรณีฟื้นฟูผิวจะรู้สึกอุ่นสบายผิว
  • เมื่อทำจนทั่วบริเวณแล้ว ทาเจลว่านหางจระเข้และครีม หรือประคบผิวด้วยความเย็นเพื่อเป็นการลดการอักเสบและระคายเคืองจากเลเซอร์

การดูแลหลังทำ Yellow 585 Laser

  1. หลังการรักษาอาจรู้สึกอุ่นและแดงที่ผิวเล็กน้อย ซึ่งจะค่อยๆ หายไปใน 1-2 ชั่วโมง
  2. หากมีอาการแสบร้อนที่ผิวควรประคบผิวด้วยความเย็นจนอาการดีขึ้นก่อน
  3. หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ผิวเกิดการระคายเคือง ครีมที่มีผลลอกผิว หรือการใช้ scrub ขัดผิวหน้า อย่างน้อย 2-3 วัน และใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับหลังเข้ารับการรักษา
  4. หลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดแรงๆ เป็นเวลานาน อย่างน้อย 2 สัปดาห์หลังทำ ควรทามอยเจอร์ไรเซอร์และครีมกันแดดที่มีค่า SPF อย่างน้อย 30 ขึ้นไปอย่างสม่ำเสมอ
  5. สามารถใช้หน้า แต่งหน้าได้ตามปกติในวันถัดไป ไม่จำเป็นต้องพักหน้า

ข้อห้ามในการทำ Yellow 585 Laser

  • บุคคลที่ผิดปกติในการรับความรู้สึกร้อนเย็น
  • บุคคลที่มีบาดแผลบนใบหน้าหรือแผลเปิด มีการติดเชื้อ เป็นเริมในบริเวณที่จะทําการรักษา
  • บุคคลที่มีโรคผิวหนังบางชนิดที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการรักษาบาดแผล และไวต่อแสง
  • กินยา gold sodium thiomalate หรือยาที่ทำให้ไวต่อแสง
  • ผู้ที่มีประวัติ ผิวไหม้แดดง่าย ทา suntan บริเวณที่จะทำ
  • ผู้ที่มีประวัติโรคชักที่ถูกกระตุ้นด้วยแสง
  • ผู้ที่มีประวัติโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง
  • ผู้ที่ตั้งครรภ์

ข้อควรระวังในการทำ Yellow 585 Laser ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำ

  • ผู้ที่มีโรคประจำตัว ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนการรักษา เพื่อป้องกันผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
  • ผู้ที่สัมผัสแสงแดดแรงๆ เป็นเวลานาน ทำการลอกผิว มาในระยะเวลาไม่เกิน 2-4 สัปดาห์
  • ผู้ที่ทา tanning product บริเวณที่จะทำมาในระยะเวลาไม่เกิน 4 สัปดาห์

ผลข้างเคียงของการทำ Yellow 585 Laser

  • Erythema (ผื่นแดง): บริเวณที่ได้รับการรักษา ซึ่งอาการจะหายภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง
  • Petechiae (จุดเลือดออก): บริเวณที่ได้รับการรักษา ซึ่งอาการจะหายภายใน 2-3 วัน
  • Pain (ความเจ็บปวด): อาการเหล่านี้จะดีขึ้น และหายภายใน 1 วัน
  • Burn (ผิวไหม้): อาการเหล่านี้จะดีขึ้น และหายภายใน 2-4 สัปดาห์
  • Hyperpigmentation (รอยดำ) / hypopigmentation (ด่างขาว): อาการเหล่านี้จะดีขึ้น และหายภายใน 2-4 สัปดาห์
Viora reaction

Viora reaction

นวัตกรรม ‘ยกกระชับผิว ลดเซลลูไลท์’

  • ⁠เทคโนโลยี CORE TM ใช้คลื่นวิทยุความถี่สูง (Channeling Optimized bipolar RF Energy) และระบบสูญกาศ (Vacuum)
  • ได้รับการรับรองจาก อย.ไทย และ U.S. FDA

CORE TM technology

ส่งผ่านคลื่นความถี่วิทยุที่มีความถี่ต่างกัน 3 ความถี่ ตั้งแต่ 0.82.45 MHz เพื่อให้ลงลึกสุ่ชั้นผิวที่แตกต่างกัน ส่งผลให้มีการสะสมความร้อนของผิวชั้นบนจนถึงผิวชั้นลึก (42-47 C)

Ultraformer 3

รูปภาพจาก Vioramed.com

ความถี่ 0.8 MHz ลงลึกประมาณ 7.2 mm

ความถี่ 1.7 MHz ลงลึกประมาณ 5.1 mm

ความถี่ 2.45 MHz ลงลึกประมาณ 3.9 mm

โดยความร้อนจาก RF ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้ผิวตึงกระชับขึ้น และเพิ่มการเผาผลาญไขมันใต้ผิว ทำให้เซลล์ไขมันลดขนาดลง

Vacuum therapy

ระบบสุญญากาศกระตุ้นการทำงานของระบบไหลเวียนเลือดและน้ำเหลืองใต้ผิวหนังบริเวณที่ทำการรักษา ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนออกซิเจน สารอาหารและของเสียของเซลล์ไขมันเพิ่มขึ้น

Viora reaction มี applicator ให้เลือก 3 ชนิด

  1. Bcontour / BC (RF+Vaccum) ใช้สำหรับสลายไขมัน ลดเซลลูไลท์ ลดสัดส่วนบริเวณต้นขา หน้าท้อง สะโพกและแขน
  2. Fcontour / FC (RF+Vaccum) ใช้สำหรับสลายไขมันบริเวณที่มีขนาดเล็กและไวต่อความรู้สึก (sensitive area) บริเวณ คาง ลำคอ ต้นแขน และต้นข้านใน
  3. Skin tightening / ST (RF) ใช้สำหรับผิวหย่อนคล้อย ไม่กระชับ บริเวณใบหน้าและลำตัว มีระบบทำความเย็นที่หัว

ข้อดีของ Viora reaction

  • สามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และ ยกกระชับผิวได้ในคราวเดียวกัน
  • สามารถลดเลือนริ้วรอยได้ดี เช่น รอยรอบดวงตา รอบขอบปาก ร่องแก้ม
  • สามารถควบคุมพลังงานได้ตรงตามปัญหาของแต่ละบุคคล
  • ไม่มีผลข้างเคียงทั้งระยะสั้นและระยะยาว
  • สามารถทำได้ทุกสีผิว
  • ผู้รับบริการจะได้รับความรู้สึกคล้ายถูกนวดและอุ่นๆ ที่ผิวหนัง
  • ไม่เกิดบาดแผล ไม่ต้องพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ

Viora reaction เหมาะสำหรับ

  • ผู้ที่ต้องการยกกระชับผิวรอบดวงตา ผิวหน้า แขน ขา และลำตัว
  • ลดไขมันส่วนเกิน กระชับสัดส่วน
  • ลดปัญหาเซลลูไลท์
  • ลดเลือนริ้วรอยบริเวณใบหน้า
  • คนที่มีอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ

ขั้นตอนการทำ Viora reaction

  • เช็ดเพื่อทำความสะอาดผิวในบริเวณดังกล่าว
  • ทาเจลเย็น (สำหรับ ST) หรือ กลีเซอลีน (สำหรับ FC หรือ BC)
  • ทำเลเซอร์บริเวณที่ต้องการ
    • สำหรับ ST หัวมีระบบทำความเย็นพร้อมกับการทำเลเซอร์ไปควบคู่กันป้องกันอาการเจ็บหรือรู้สึกแสบร้อน
    • สำหรับ FC หรือ BC หัวมีระบบดูดสุญญากาศ
  • เมื่อทำจนทั่วบริเวณแล้ว เช็ดเจลและทำความสะอาดผิว
  • ทาเจลว่านหางจระเข้และครีมเพื่อเป็นการลดการอักเสบและระคายเคืองจากเลเซอร์

ระยะเวลาและความถี่ในการทำ Viora reaction

  • ครั้งละ 1530 นาที ขึ้นกับบริเวณที่ทำ
  • Skin tightening แนะนำรักษา 24 สัปดาห์ครั้ง ติดต่อกัน 68 ครั้ง และ รักษาต่อเนื่องเพื่อคงผลการรักษาทุก 36 เดือน
  • Facial and body contour แนะนำรักษาสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ติดต่อกัน 68 ครั้ง และ รักษาต่อเนื่องเพื่อคงผลการรักษาทุก 13 เดือน

ผลลัพธ์ของการทำ Viora reaction

  • โดยผลลัพธ์หลังทำครั้งแรกจะสังเกตได้ว่าผิวกระชับขึ้น ริ้วรอยตื้นขึ้น เซลลูไลท์ลดลง
  • ผลการรักษาจะเริ่มเห็นผลชัดเจน เมื่อทำการรักษาอย่างต่อเนื่อง ประมาณ 34 ครั้ง ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
  • ไม่เกิดบาดแผล ไม่ต้องพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ

การดูแลหลังทำ Viora reaction

  • ทาครีมบำรุงผิวเพิ่มขึ้น เนื่องจากความร้อนจากการรักษาทำให้ผิวแห้งขึ้น
  • ดื่มน้ำวันละ 810 แก้ว เพื่อช่วยในการขับของเสีย

ข้อห้ามในการทำ Viora reaction

  • ตั้งครรภ์ ให้นมบุตร อันนี้ห้ามเป็นสากล ทำได้หลังคลอด 3 เดือน
  • ประวัติ ผิวไหม้แดดง่าย ทา suntan บริเวณที่จะทำ
  • กินยา gold sodium thiomalate รักษา โรคข้อ หรือยาที่ทำให้ไวต่อแสง
  • มีโรคทางผิวหนัง เช่น มะเร็งผิวหนัง สะเก็ดเงิน ผื่นผิวหนังอักเสบ เริม หรือ แผลเปิด หรือแผลเป็น keloid บริเวณที่ทำ
  • ผู้ป่วยที่มีโลหะฝังอยู่ในบริเวณตำแหน่งที่จะทำการรักษา
  • ผู้ป่วยที่ใส่เครื่องกระตุ้นหัวใจ
  • ผู้ที่มีประวัติการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ เลือดออกง่ายหรือ ผิวลอกง่าย
  • ผู้ที่มีประวัติของโรคที่สามารถถูกกระตุ้นอาการได้ด้วยความร้อน ได้แก่ SLE

ผลข้างเคียงของการทำ Viora reaction

  • ผิวอักเสบ แดง ซึ่งอาการมักหายไปภายใน 12 ชั่วโมง