ผิวพรรณใบหน้าที่มีความเปล่งปลั่ง กระจ่างใสสุขภาพดี แลดูอ่อนกว่าวัย ย่อมทำให้เกิดความมั่นใจในการใช้ชีวิตในทุกวัน ถึงแม้โดยธรรมชาตินั้นเซลล์ผิวหนังจะมีการเสื่อมสลายไปตามระยะเวลาที่ผ่านพ้นไป ทำให้ผิวเกิดการหย่อนคล้อย และมีริ้วรอยเกิดขึ้น ดังนั้นการใส่ใจดูแลสุขภาพผิวในทุกวันอย่างสม่ำเสมอและเหมาะสม จึงเป็นวิธีการช่วยปกป้องผิวให้มีความแข็งแรง และการชะลอการเสื่อมของเซลล์ได้ เพื่อคงผิวพรรณแข็งแรงสุขภาพดี
เติมอาหารผิว…ง่ายๆ แค่ปรับไลฟ์สไตล์ให้สมดุล
ผิวสวยสุขภาพดี แบบยั่งยืนต้องแข็งแรงจากภายในสู่ภายนอก สามารถเติมอาหารผิวได้แบบง่ายๆ ในทุกวันด้วยการเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์มีวิตามินและสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งมีส่วนการช่วยบำรุง ซ่อมแซม และต้านการเสื่อมของเซลล์ผิวหนังได้ รวมทั้งการดื่มน้ำให้เพียงพอและการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
น้ำเปล่า
เพราะร่างกายของคนเรานั้น มีน้ำมากถึง 2 ใน 3 ส่วน เป็นส่วนประกอบสำคัญ ซึ่งมีส่วนช่วยให้ระบบการไหลเวียนของโลหิต หัวใจ ทำงานได้เป็นปกติมีประสิทธิภาพ ช่วยให้ผิวพรรณมีความนุ่มชุ่มชื้นไม่แห้งกร้าน ผิวหน้าสดใสมีเลือดฝาดแลดูสุขภาพดี โดยการดื่มน้ำให้เพียงพอในแต่ละวัน สามารถคำนวณได้ง่ายๆ จากสูตรการคำนวณปริมาณน้ำดื่ม ที่เหมาะสมกับน้ำหนักตัว กำหนดโดยองค์การอนามัยโลก
ปริมาณน้ำดื่มต่อวัน (C.C) = (น้ำหนักตัว (KG) / 2 )X 2.2 X 30
จำนวน 1,000 C.C. = 1 ลิตร (1ลิตร = 5 แก้ว โดยประมาณ)

ผักและผลไม้
อุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย อีกทั้งยังมีกากใยอาหารช่วยในกระบวนการขับถ่ายของเสียออกจากร่างกาย พร้อมบำรุงให้ผิวพรรณกระจ่างใส สามารถเลือกกินได้อย่างหลากหลาย และเป็นประจำทุกวัน
ธัญพืชตระกูลถั่ว
อุดมไปด้วยวิตามิน และกรดไขมันที่มีความจำเป็นต่อร่างกาย ล้วนมีประโยชน์ช่วยในการเติบโตของเนื้อเยื่อ เติมความชุ่มชื้นให้กับเซลล์ผิวหนัง ลดการอักเสบของผิว
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ทางเลือกในการบำรุงผิวให้แข็งแรงจากภายใน สู่ภายนอก
เพื่อความสะดวก และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล การเลือกบำรุงสุขภาพผิวพรรณในปริมาณสัดส่วนที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย โดยมีความหลากหลายซึ่งสกัดวัตถุดิบจากธรรมชาติที่จำเป็นต่อร่างกาย เพื่อความสะดวกในการบริโภคและการดูดซึมนำไปใช้ของร่างกาย
ฟื้นฟูผิวให้แข็งแรง…การนอนหลับ เรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม
การนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ อย่างน้อยวันละ 8 ชั่วโมง สามารถช่วยเติมเต็มประสิทธิภาพของร่างกายในการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอช่วยฟื้นฟูผิวหน้าให้แข็งแรง โดยการนอนหงายเป็นท่านอนที่เหมาะสม แนะนำการนอนท่านี้จะช่วยป้องกันไม่ให้ผิวหน้าสัมผัสกับหมอน ช่วยลดโอกาสผิวหน้าเสียดสีกับปลอกหมอน ซึ่งทำให้เกิดการระคายเคือง หรือการเกิดริ้วรอยได้
การใส่ใจเรื่องอุณหภูมิของห้องนอนให้เหมาะสมไม่อุ่น หรือเย็นเกินไปรวมทั้งแสงภายในห้องนอน ความเงียบสงบ ถือเป็นรายละเอียดที่ควรใส่ใจให้ความสำคัญไม่แพ้กัน เพราะมีส่วนช่วยให้การนอนหลับพักผ่อนครั้งนี้มีความผ่อนคลาย สามารถนอนหลับได้สนิทตลอดคืน รวมทั้งควรรักษาความสะอาดภายในห้องนอนเพื่อลดการสะสมของฝุ่น เชื้อโรคต่างๆ ซึ่งสามารถเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาผดผื่น หรือโรคผิวหนังตามมาได้

เลือกป้องปกผิวจากมลภาวะภายนอก พร้อมบำรุงสู่ภายใน
ในแต่ละวันผิวหน้าต้องเผชิญกับสิ่งรบกวนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นความร้อน เครื่องสำอาง ฝุ่นละอองมลภาวะต่างๆ เป็นต้น การใส่ใจรักษาความสะอาดผิวหน้าได้อย่างหมดจด จึงเป็นสิ่งจำเป็น เพราะผิวหน้ามีความบอบบางต้องใส่ใจดูแลอย่างอ่อนโยน รวมทั้งการบำรุงเลือกเสริมความแข็งแรงด้วยผลิตภัณฑ์เฉพาะสำหรับผิวหน้า เพื่อเติมความชุ่มชื้นให้ผิวพรรณพร้อมปกป้องผิวจากจากมลภาวะภายนอก
บทความโดย
นพ.วินัย ภูมิรัตนรักษ์ อายุรแพทย์ ชำนาญการทางโรคผิวหนัง โรงพยาบาลเปาโลเกษตร
ปัญหาหน้ามันจัดการอย่างไร
หลายท่านอาจพบกับปัญหาหน้ามันเยิ้มในแต่ละวัน จนเป็นปัญหาตามมาในชีวิตประจำวันกับภาวะเศรษฐกิจในช่วงนี้ เรามารับมือกับปัญหาผิวหน้ามันกัน เพราะผิวหน้ามันเป็นเรื่องสำคัญที่อาจเป็นสาเหตุอย่างหนึ่งของการเกิดสิว และปัญหาผิวหน้าแล้ว ยังสามารถช่วยให้เราสามารถสร้างความมั่นใจ กับบุคคลิกภาพที่ดีได้
วิธีลดปัญหาหน้ามัน
- ควรการเลือกใช้เครื่องสำอางที่เนื้อบางเบา ไม่มีน้ำมัน ไม่ก่อสิว
- ควรใช้ makeup remover หรือ คลีนเซอร์ ทำความสะอาดเครื่องสำอางหรือครีมกันแดดบผิวหน้าเสมอก่อนการล้างหน้า โดยเลือกคลีนเซอร์ชนิดน้ำ ควรหลีกเลี่ยง คลีนเซอร์ที่มีส่วนประกอบของน้ำมัน
- ควรเลือกผลิตภัณฑ์ป้องกันแดดที่มีส่วนประกอบของ Zinc dioxide และ Titanium dioxide และครีมกันแดดที่มีการป้องกันรังสี UVA และ UVB ที่มี SPF 30 ขึ้นไป
- ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวหรือ Moisturizer ที่เนือบางเบา
- ควรล้างหน้าทุกวันตอนเช้า เย็น และหลังออกกำลังกาย
- ควรพกกระดาษชับมันเพื่อซับเพื่อลดความมัน

เตรียมตัวก่อนทำ LASER หน้าใส
- ตรวจเช็คสภาพผิว เพราะแต่ละคนมีสภาพผิวที่ไม่เหมือนกัน ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเพื่อตรวจเช็คสภาพผิวก่อนเพื่อให้แพทย์ ได้พิจารณาว่าควรรักษาอย่างไร แจ้งแพทย์ให้ทราบเกี่ยวกับการใช้ยาในกรณีที่มีโรคประจำตัว เพราะยาบางชนิดมีผลต่อการรักษาด้วยและประวัติการแพ้
- หลีกเลี่ยงการออกแดดในช่วง 1 – 2 อาทิตย์ก่อนทำ
- หลีกเลี่ยง ขัดผิวหรือสครับ ในช่วง 1 – 2 อาทิตย์ก่อนทำ
บทความโดย
นพ.วินัย ภูมิรัตนรักษ์ อายุรแพทย์ ชำนาญการทางโรคผิวหนัง โรงพยาบาลเปาโลเกษตร